เพศ
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |

เพศ (อังกฤษ: sex) ในชีววิทยา คือ ขั้นตอนการเชื่อมโยงและการผสมผสานกลไกเฉพาะทางพันธุกรรม ที่มักมีผลให้เกิดในเพศชายหรือเพศหญิงที่แตกต่างกันไป
การเกิดเพศของสัตว์ในทางวิทยาศาสตร์ เริ่มจากสัตว์สร้างรูของร่างกายขึ้นมาหนึ่งรู ในการกิน และขับถ่ายโดยใช้แค่รูเดียวกันนั้น ต่อมาสัตว์ใช้รูนั้นในการแบ่งเซลด้วย ต่อมาก็ใช้รูนั้นในการแบ่งเซลด้วยการปล่อยสเปิม โดยมีสัตว์ตัวอื่นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ใช้รูของตนรับสเปิมเข้าไปผสมกับเซลของตัวเอง และฟักแบ่งตัวออกจากรูนั้นเมื่อผสมเซลทั้งสองเซลสำเร็จ ต่อมาสัตว์ได้วิวัฒนาการให้มีรูเพิ่มขึ้นและทำหน้าที่เฉพาะ คือ รูที่ใช้ในการกินรูหนึ่ง รูที่ใช้ในการขับถ่ายรูหนึ่ง รูที่ใช้ในการปล่อยสเปิมรูหนึ่ง และรูที่ใช้ในการรับสเปิมรูหนึ่ง ต่อมาสัตว์ได้พัฒนาขึ้นจน จะมีตัวที่มีแค่อวัยวะปล่อยสเปิม หรือตัวที่มีแค่อวัยวะรับสเปิม อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เมื่อวิวัฒนาการถึงจุดนี้ ก็เรียกได้ว่าเพศได้เกิดขึ้นมาในสัตว์อย่างสมบูรณ์แล้ว คือตัวที่มีแค่อวัยวะปล่อยสเปิมอย่างเดียว จะเรียกว่าเพศชาย ส่วนตัวที่มีแค่อวัยวะรับสเปิมอย่างเดียว จะเรียกว่าเพศหญิง
เพศทางชีววิทยา (Biological Sex) หมายถึง ลักษณะทางกายภาพและชีวภาพที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ซึ่งโดยทั่วไปจะพิจารณาจาก
- โครโมโซมเพศ (Sex Chromosomes) โดยทั่วไปผู้หญิงจะมีโครโมโซม XX และผู้ชายจะมีโครโมโซม XY (แต่ก็มีความหลากหลายทางโครโมโซมที่เป็นไปได้)
- อวัยวะเพศ (Genitalia) อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและภายใน
- ฮอร์โมนเพศ (Sex Hormones) ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในผู้หญิง และเทสโทสเตอโรนในผู้ชาย
ลักษณะทางเพศขั้นทุติยภูมิ (Secondary Sexual Characteristics) คือ ลักษณะที่พัฒนาขึ้นในช่วงวัยแรกรุ่น เช่น หน้าอกของผู้หญิง เสียงแตกหนุ่มและหนวดเคราของผู้ชาย โดยทั่วไปเพศทางชีววิทยาจะถูกระบุว่าเป็น ชาย (Male) หรือ หญิง (Female) แต่ก็มีบุคคลที่มีลักษณะทางชีววิทยาที่ไม่สามารถจัดอยู่ในหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่งได้อย่างชัดเจน ซึ่งเรียกว่า อินเตอร์เซ็กส์ (Intersex)
อัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity) หมายถึง ความรู้สึกภายในของบุคคลเกี่ยวกับเพศของตนเอง ซึ่งอาจตรงหรือไม่ตรงกับเพศทางชีววิทยาที่ได้รับมาแต่กำเนิด
อัตลักษณ์ทางเพศเป็นเรื่องส่วนบุคคลและเป็นความรู้สึกภายใน เช่น ชาย (Man) หญิง (Woman) และ นอน-ไบนารี (Non-binary) อัตลักษณ์ทางเพศที่ไม่ใช่ชายหรือหญิงโดยเฉพาะ อาจเป็นทั้งสองอย่าง ผสมกัน หรืออย่างอื่น รวมไปถึง เจนเดอร์ฟลูอิด (Genderfluid) อัตลักษณ์ทางเพศที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาและอื่นๆ อีกมากมาย
การแสดงออกทางเพศ (Gender Expression) หมายถึง วิธีที่บุคคลแสดงออกถึงเพศของตนเองต่อภายนอก ผ่านทาง เสื้อผ้า (Clothing) ทรงผม (Hairstyle) การแต่งหน้า (Makeup) กิริยาท่าทาง (Mannerisms) น้ำเสียง (Voice) และอื่นๆ
การแสดงออกทางเพศไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับเพศทางชีววิทยาหรืออัตลักษณ์ทางเพศ
บทบาททางเพศ (Gender Roles) หมายถึง ชุดของความคาดหวังทางสังคมเกี่ยวกับพฤติกรรม ทัศนคติ และลักษณะที่ "เหมาะสม" สำหรับผู้ชายและผู้หญิงในสังคมนั้นๆ บทบาททางเพศเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นทางสังคมและวัฒนธรรม และสามารถแตกต่างกันไปในแต่ละสังคมและยุคสมัย
รสนิยมทางเพศ (Sexual Orientation): หมายถึง ความรู้สึกต่อเพศตรงข้าม มีอารมณ์ใคร่ มีอารมณ์ความรัก และ/หรือมีอารมณ์ทางเพศต่อผู้อื่น ซึ่งเกิดจากการทำงานของสมองที่ปกติจะมองฟังได้กลิ่นสัมผัสเพศตรงข้ามแล้วเกิดอารมณ์ แต่ก็มีโอกาสที่การทำงานของสมองนั้นอาจเกิดกับเพศเดียวกันแทนที่จะเป็นคนต่างเพศ หรือบางกรณีอาจเกิดมีอารมณ์กับทั้งสองเพศก็ได้ หรือไม่มีอารมณ์กับเพศใดเลยก็ได้
รสนิยมทางเพศที่พบบ่อย ได้แก่ รักต่างเพศ (Heterosexual) สนใจในเพศตรงข้าม ,รักร่วมเพศ (Homosexual) สนใจในเพศเดียวกัน (เกย์สำหรับผู้ชาย เลสเบี้ยนสำหรับผู้หญิง),รักสองเพศ (Bisexual) สนใจต่อทั้งเพศชายและเพศหญิง,แพนเซ็กชวล (Pansexual) สนใจโดยไม่จำกัดเพศ ,อะเซ็กชวล (Asexual) ไม่มีความรู้สึกสนใจทางเพศต่อผู้อื่นเลย
เมื่อรสนิยมทางเพศประกอบกับการแสดงออกทางเพศร่วมกับอัตลักษณ์ทางเพศและเพศกำเนิด จึงเกิดเพศสภาพทั้งหมด 18 ลักษณะ
การเข้าใจความหมายที่หลากหลายของ "เพศ" เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสังคมที่เปิดกว้าง ยอมรับความแตกต่าง และเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน ช่วยลดอคติ การเลือกปฏิบัติ และส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ โดยสรุป "เพศ" ไม่ได้มีเพียงแค่สองขั้ว (ชาย/หญิง) แต่เป็นสเปกตรัมที่กว้างขวางและซับซ้อน ซึ่งประกอบด้วยมิติทางชีววิทยา จิตใจ และสังคม
การปรับปรุงทางสารพันธุกรรม
[แก้]การสืบพันธุ์เกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงเซลล์สืบพันธุ์ให้เกิดลูกหลายที่รับสิ่งสืบทอดมาจากทั้งพ่อและแม่ เซลล์สืบพันธุ์สามารถรวมกันในลักษณะที่เซลล์มีรูปร่างเหมือนกันทั้งรูปร่างและขนาด ที่เรียกว่า ไอโซแกมีต (isogamete) ส่วนการรวมตัวของเซลล์สืบพันธุ์ที่มีขนาดและรูปร่างต่างกัน เรียกว่า เฮเทโรแกมีต (heterogamete) โดยเซลล์สืบพันธุ์จากเพศผู้ เรียก สเปิร์ม (sperm) ส่วนเซลล์สืบพันธุ์จากเพศเมีย เรียกว่า ไข่ (egg) พบในสัตว์และพืชทั่วๆ ไป โดยมีลักษณะที่ดีและด้อยที่แตกต่างกันนำมาซึ่งการเพิ่มจำนวน